1.ต้องรู้ชนิดสินค้าที่จะสั่ง และต้องตรงกับพื้นผิวที่จะทา ได้แก่
1.1 ปูน,ไม้ฝา เราต้องซื้อ สีน้ำ ก็เลือกเลยคะว่าจะใช้ภายในหรือภายนอก
1.2 เหล็ก เราต้องซื้อ สีน้ำมัน
1.3 ไม้ เราต้องซื้อ สีน้ำมัน แต่ถ้าเราต้องการโชว์ลายไม้ ก็ต้องซื้อเป็นสีย้อมไม้นะคะ
2.เลือกเกรดอายุงานที่ต้องการ ขึ้นอยู่กับประเภทงานที่เราจะใช้ทาด้วย ถ้าเป็นอาคารภายนอกตึกสูง ไม่ต้องการทาบ่อยก็ต้องเลือกเกรดดีๆหน่อย แต่ถ้าเป็นบ้านเช่า หรือทารั้ว ก็อาจจะเลือก อายุงานน้อยๆก็ได้ โดยเราสามารถเลือกอายุงานตามเกรดนี้ได้เลยคะ
2.1 เกรดอัลตร้าพรีเมี่ยม 15 ปี ถ้าไม่ต้องการซ่อมแซมบ่อย เลือกพรี่เมี่ยมเลยคะ
2.2 เกรดพรีเมี่ยม 10 ปี ถ้าหากจะซ่อมแซมบ่อย หรือง่าย ก็เลือกเกรดรองๆลงมาหน่อยได้คะ
2.3 เกรดมาตรฐานบน 5-7 ปี
2.4 เกรดมอก. 3-5 ปี
2.5 เกรดประหยัด 1-3 ปี
เรื่องอายุงานสำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่สีน้ำเท่านั้น สีน้ำมัน สีรองพื้น สีย้อมไม้ ก็มีหลายเกรด มีอายุงานด้วยเหมือนกันหมด และเรืองอายุงานจะเป็นตัวกำหนด งบประมาณด้วย
3 เลือก แบรนด์ที่ชอบ แต่ละแบรนด์ก็จะมีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเราไว้ใจใครก็ให้เลือกแบรนด์นั้น หรือช่วงนั้นมีโปรโมชั่นอะไร ได้แก่
3.1 ทีโอเอ แบรนด์อันดับ1 ของประเทศ เป็นแบรนด์ที่ขายดีที่สุด
3.2 เบเยอร์ เขาจะเน้นเรื่องนวัตกรรมใหม่ๆ
3.3 แบรนด์ที่เป็น อินเตอร์เนชั่นแนล แบรนด์ได้แก่
โจตัน จากนอร์เวย์ เด่นเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม, ชีวิต ,ปลอดภัย ,เทรนสีสวยๆ
ดูลักซ์ อั๊คโซ่โนเบลเพ้นท์ เป็นแบรนด์ขายสีอันดับ1 ของโลก
นิปปอนเพ้นท์ เป็นแบรนด์ญี่ปุ่น ผลิตของที่มีคุณภาพแบบญี่ปุ่น มีฟังชั่นต่างๆมากมาย
3.4 เดลต้า , กัปตัน , เจบีพี , เป็นแบรนด์ ดาวรุ่งที่พยายามจะพัฒนาผลิต สินค้าใหม่มาตอบสนองตลาด
4.เลือก เลือกฟิล์มสี
4.1 กึ่งเงา SEMIGLOSS จะเช็ดล้างได้ ถ้าผนังไม่เรียบไม่แนะนำให้ใช้เพราะจะฟ้องพื้นผิว
4.2 ด้าน MATT ผนังจะเรียบเนียน
4.3 เนียน SHEEN อยู่ระหว่างกึ่งเงากับด้าน
**แต่ถ้าต้องการเงามากๆ ก็จะต้องเลือกเป็นผลิตภัณฑ์พิเศษ ถ้าเป็นทีโอเอ ก็จะเป็นอะควากลอสก็จะสามารถเอาไปทาปูนได้ **
**ในเรื่องของฟิล์มสี แสงที่เข้า หรือ แสงไฟ อาจจะมีผลกระทบกับสีที่อาจจะเพี้ยนไปบ้างเมื่อกระทบกับแสง**